mardi 1 juin 2010

วิถีชุมชนริมคลองที่ซุกซ่อนในเมืองใหญ่... คลองพระยาราชมนตรี คลองสนามชัย และคลองดาวคะนอง



1 มิถุนายน 2553

ช่วงก้าวข้ามผ่านช่วงที่ร้อนและแล้งที่สุดของปี เริ่มเช้านี้ด้วยฝนปรอยๆ อากาศกำลังสบาย ทำให้ทุกคนกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษในการสำรวจคลอง ไม่ต้องอยู่กลางแดดดังเช่นทุกวันที่ผ่านมา ทีมหน่วยศึกษาและเฝ้าระวังมลพิษทางน้ำและอาสาสมัครเดินทางมายังฝั่งธนบุรีห่างจากกรุงเทพมหานครไม่กี่กิโลเมตรมุ่งหน้าสู่ตลาดบางแค เป็นตลาดสดที่อยู่ติดกับ “คลองราชมนตรี” ตลาดสดแห่งนี้รายรอบไปด้วยบ้านเรือนริมคลองที่ดูสบายๆ อาศัยอยู่เป็นชุมชน ในคลองมีเรือจอดเรียงรายอยู่ซึ่งบ่งบอกว่าคลองบริเวณนี้ “มีชีวิต” ไม่ได้เป็นที่คลองรับน้ำเสียที่มีสภาพไม่ต่างจากท่อระบายน้ำเหมือนคลองอื่นๆ ในเมือง

คลองราชมนตรีบริเวณตลาดบางแค มีบ้านเรือนตั้งอยู่หนาแน่น
คลองราชมนตรีบริเวณตลาดบางแค มีบ้านเรือนตั้งอยู่หนาแน่น

ใต้สะพานบริเวณตลาด ยังมีปลาอยู่ชุกชุม
ใต้สะพานบริเวณตลาด ยังมีปลาอยู่ชุกชุม

เรามุ่งหน้าไปที่จุดลงเรือที่ได้นัดแนะกับ “คุณสมพร” คนขับเรือนำเที่ยว ผู้ที่ช่ำชองในเส้นทางต่างๆ และอยู่กับคลองในบริเวณนี้มาตั้งแต่เกิด เราเริ่มต้นการสำรวจจากคลองราชมนตรี สิ่งที่สัมผัสได้จากคลองนี้คือกลิ่นอายของวิถีชุมชนริมคลองที่ซุกซ่อนอยู่ในเมืองใหญ่ รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นตลอดลำคลองเล็กๆที่ทอดยาวผ่านบ้านเรือน วัด และชุมชนมากมายก่อนไหลออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา คุณภาพน้ำในคลองนี้แม้จะไม่สะอาดเหมือนอดีตที่สามารถนำมาใช้อุปโภคบริโภคได้ ปัจจุบัน เด็กๆ ก็พอจะอาศัยกระโดดเล่นน้ำได้ เป็นสนามเด็กเล่น และที่เรียนรู้ธรรมชาติของเด็กที่อาศัยอยู่ตามริมน้ำ

ลักษณะสวนริมคลอง
ลักษณะสวนริมคลอง

ลักษณะบ้านไทยริมคลอง มีใต้ถุนสูง ซึ่งเป็นลักษณะทั่วไปของบ้านทรงไทยและบ้านริมน้ำ
ลักษณะบ้านไทยริมคลอง มีใต้ถุนสูง ซึ่งเป็นลักษณะทั่วไปของบ้านทรงไทยและบ้านริมน้ำ

ลักษณะบ้านไม้แบบเก่าที่มีอยู่ทั่วไปริมคลอง
ลักษณะบ้านไม้แบบเก่าที่มีอยู่ทั่วไปริมคลอง

คุณสมพรเล่าว่าคลองราชมนตรีเป็นคลองเชื่อมต่อกับคลองซอยต่างๆ ซึ่งล้วนใช้เป็นคลองสัญจรและแลกเปลี่ยนสินค้าในสมัยที่ยังไม่มีถนนลาดยางเหมือนในปัจจุบัน คลองในอดีตเป็นเหมือน “ถนนหน้าบ้าน” จึงไม่สงสัยเลยว่าทำไมบ้านเรือนทุกหลังยังหันหน้าเข้าหาคลอง สวนผลไม้ เช่น กล้วย มะพร้าว และมะม่วง ยังคงมีให้เห็น ต้นไม้น้อยใหญ่เขียวชอุ่มเย็นตาสร้างร่มเงาระหว่างการเดินทางในคลอง

ถนนหน้าบ้าน
ถนนหน้าบ้าน

บ้านสมัยก่อนส่วนใหญ่เป็นเรือนไม้ ส่วนใหญ่มีต้นไม้หน้าบ้าน หลายหลังใหญ่โตสวยงาม แสดงให้เห็นถึงว่าสมัยก่อนนั้นผู้มีฐานะจะมีบ้านและที่ดินริมคลอง
บ้านสมัยก่อนส่วนใหญ่เป็นเรือนไม้ ส่วนใหญ่มีต้นไม้หน้าบ้าน หลายหลังใหญ่โตสวยงาม แสดงให้เห็นถึงว่าสมัยก่อนนั้นผู้มีฐานะจะมีบ้านและที่ดินริมคลอง


ปัจจุบันผู้คนยังคงมีการสัญจรโดยใช้เรืออยู่บ้าง แต่เทียบไม่ได้กับสมัยก่อนเลย ที่ถึงขนาดว่าการจราจรติดขัดในคลอง แน่นจนไม่มีทางไป ใครจะไปเชื่อว่าในยุคสมัยที่ทุกอย่างเร่งรีบ การส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์หรือ e-mail ซึ่งใช้เวลาเพียงแค่กระพริบตาสามทีก็ถึงผู้รับ จะยังมีเรือไปรษณีย์ลำน้อยติดเครื่องยนต์เล็กๆเดินทางส่งความคิดถึงและสารต่างๆสู่ผู้คนชุมชนริมน้ำแห่งนี้

เส้นทางสัญจรที่รวดเร็ว ไม่มีการจราจรติดขัด สามารถเข้าถึงบ้านริมคลองได้สะดวก
เส้นทางสัญจรที่รวดเร็ว ไม่มีการจราจรติดขัด สามารถเข้าถึงบ้านริมคลองได้สะดวก


อาจจะเพราะฝนเพิ่งตกจึงทำให้น้ำดูไม่ขุ่น แต่จะก็มีขยะและสวะลอยมาประปราย จากการสอบถามและสังเกตดู พบว่าบางบ้านก็ยังมีการโยนขยะลงคลองด้วยความมักง่าย และเนื่องจากถนนเข้าไม่ถึงจึงไม่รู้จะแบกขยะออกไปอย่างไร (แม้จะมีเรือขยะมาเก็บ แต่ก็ไม่ทันใจ และต้องเสียเงินค่าเก็บขยะ) ขยะมีให้เห็นมากขึ้นเมื่อเราเดินทางไปถึงคลองอื่นๆ ที่น้ำเน่าสกปรกและบ้านเรือนดูเหมือนเป็นชุมชนเสื่อมโทรม แซมด้วยตึกแถว และโรงงานขนาดเล็ก

ถุงขยะที่รอการเก็บโดยหน่วยงานท้องถิ่น
ถุงขยะที่รอการเก็บโดยหน่วยงานท้องถิ่น

เราเดินทางทะลุผ่านไปยังคลองบางเชือกหนัง คลองบางกอกใหญ่ คลองชักพระ ที่เชื่อมต่อกันสภาพชุมชนยังคงดำเนินไปอย่างเนิบนาบแบบเดิม ก๋วยเตี๋ยวเรือ เรือขายไก่ย่างควันฉุย ยังคงมีให้เห็น วัดวาอารามที่ดูห่างไกลกันหากเดินทางด้วยถนน

เรือขายอาหารริมคลอง ซึ่งขายตั้งแต่เช้ายันเย็น สร้างรายได้พอเพียงสำหรับแม่ค้า
เรือขายอาหารริมคลอง ซึ่งขายตั้งแต่เช้ายันเย็น สร้างรายได้พอเพียงสำหรับแม่ค้า

แต่เมื่อเรานั่งเรือไปตามคลองที่ห่างกันไม่กี่คุ้งน้ำเท่านั้นเอง การเดินทางที่รื่นรมย์ต้องสะดุดเมื่อเราเดินทางมาถึง “คลองสนามชัย” บริเวณเขตจอมทอง กลิ่นเหม็นเหม็นลอยแสบจมูกชวนเวียนหัวของน้ำเริ่มก่อกวนความสวยงามสองฝั่งคลอง จากการสอบถามคนที่อาศัยอยู่ริมน้ำพบว่า น้ำที่เน่าเสียบริเวณนี้เกิดจาก โรงงานต่างๆ อาทิ โรงงานย้อมผ้า ฟอกหนัง ชุบเหล็ก และอื่นๆ อีกมากมายปล่อยน้ำเสียลงมา อีกทั้งคลองเล็กคลองน้อยที่รับน้ำเสียมาจากแหล่งต่างๆ รวมถึงโรงงานขนาดเล็กที่มีอยู่ค่อนข้างหนาแน่นที่มีจนถึงสมุทรปราการบริเวณสุขสวัสดิ์ คลองเล็กๆ เหล่านี้ก็รับน้ำเสียและไหลลงมาสู่คลองสนามชัย

คุณลุงซึ่งเป็นคนดั้งเดิมอาศัยอยู่ริมคลองสนามชัย ชี้นิ้วบอกทางไปโรงงานที่ปล่อยน้ำเสียสีขาวขุ่นมีกลิ่นฉุน คุณลุงบอกว่าโรงงานเป็นสาเหตุหลักของปัญหามลพิษทางน้ำและสร้างความเดือดร้อนให้ชุมชนมานับสิบปี
คุณลุงซึ่งเป็นคนดั้งเดิมอาศัยอยู่ริมคลองสนามชัย ชี้นิ้วบอกทางไปโรงงานที่ปล่อยน้ำเสียสีขาวขุ่นมีกลิ่นฉุน คุณลุงบอกว่าโรงงานเป็นสาเหตุหลักของปัญหามลพิษทางน้ำและสร้างความเดือดร้อนให้ชุมชนมานับสิบปี


โรงงานเรียงรายริมคลองสนามชัย น้ำมีสีดำสนิทและมีกลิ่นเหม็นชวนเวียนหัว ส่วนล่างซ้ายมือของภาพเป็นคลองย่อยซึ่งนำพาน้ำเสียจากทั้งโรงงานและบ้านเรือนบริเวณอื่นๆ ไหลมารวมสู่คลองนี้
โรงงานเรียงรายริมคลองสนามชัย น้ำมีสีดำสนิทและมีกลิ่นเหม็นชวนเวียนหัว ส่วนล่างซ้ายมือของภาพเป็นคลองย่อยซึ่งนำพาน้ำเสียจากทั้งโรงงานและบ้านเรือนบริเวณอื่นๆ ไหลมารวมสู่คลองนี้


ท่อน้ำทิ้งของโรงงานที่หลบตามพุ่มไม้
ท่อน้ำทิ้งของโรงงานที่หลบตามพุ่มไม้

คุณสมพรเล่าให้ฟังต่อว่า สมัยก่อนเมื่อสามสิบปีที่แล้วคลองนี้ยังสะอาด ชาวบ้านส่วนใหญ่ทำสวนผลไม้ไว้กิน เหลือก็นำมาขายหรือแลกกัน มีทั้งร้านค้าและมีเรือมากกว่า 50 ลำ มาจอดบริเวณนี้ สมัยนั้นเรียกว่า “ท่าน้ำธงเหลือง” แต่ปัจจุบันเมื่อความเจริญเข้ามาตามถนน ร้านค้าชาวคลองบ้างส่วนถูกไฟไหม้ ตลาดเงียบ ที่ทางบริเวณนี้ราคาแพงขึ้นเรื่อย บ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม สนามกอล์ฟ และโรงงานขนาดเล็กเริ่มเข้ามาทำลายบรรยากาศของชุมชน คลองซอยสายเล็กๆไม่ต่างอะไรกับท่อระบายน้ำของคนเมือง คนที่เรียกตัวเองว่า “ผู้เจริญแล้ว”

เรือขายผักและอาหาร เหลืออยู่ไม่มากในลำคลอง คุณยายขายของยากขึ้นและต้องพายเรือไกลขึ้นเนื่องจากพฤติกรรมการซื้อของบ้านเรือนริมคลองเปลี่ยนไป และมีการย้ายถิ่นฐานเนื่องจากมลพิษ
เรือขายผักและอาหาร เหลืออยู่ไม่มากในลำคลอง คุณยายขายของยากขึ้นและต้องพายเรือไกลขึ้นเนื่องจากพฤติกรรมการซื้อของบ้านเรือนริมคลองเปลี่ยนไป และมีการย้ายถิ่นฐานเนื่องจากมลพิษ

ล่องย้อนกลับมาสู่คลองดาวคะนอง คลองใหญ่ที่เชื่อมต่อออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ขยะน้อยใหญ่ สภาพน้ำขุ่นข้นสีน้ำตาลอ่อน ไหลผ่านเรือของพวกเรา มีกลิ่นเหม็นลอยมาบ้างแต่ก็ไม่เหม็นเน่าเหมือนคลองสนามชัย ริมคลองพบโรงงานเล็กๆเรียงราย ตึกแถวสถาพเสื่อมโทรม และยังเห็นน้ำทิ้งสีดำสนิทเหม็นน้ำมันออกจากรางที่หลบสายตาระบายลงคลองแห่งนี้ ดูจากลักษณะน้ำก็พอจะเดาได้ว่าเป็นน้ำทิ้งจากโรงงานฟอกย้อม

โรงงานฟอกย้อมที่ต่อท่อปล่อยลงสู่คลองดาวคะนอง บริเวณห่างจากปากคลองเชื่อมแม่น้ำเจ้าพระยาเพียง 1 กิโลเมตร
โรงงานฟอกย้อมที่ต่อท่อปล่อยลงสู่คลองดาวคะนอง บริเวณห่างจากปากคลองเชื่อมแม่น้ำเจ้าพระยาเพียง 1 กิโลเมตร

ป้ารัชนีอาศัยวิ่งเรือนับจ้างในคลองดาวคะนองเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนน้ำสะอาดกว่านี้มาก แต่เมื่อมีหมู่บ้านจัดสรร อาคารพานิช และโรงงานเข้ามา สภาพน้ำในคลองก็เปลี่ยนไป ชาวบ้านร้องเรียนไปยังหน่วยงานของรัฐหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน เหมือนป้ายการติดตามเฝ้าระวังคุณภาพน้ำของรัฐที่ไม่มีการปรับปรุงข้อมูลมานานมากแล้ว

ป้ารัชนีกล่าวอย่างเผ็ดร้อนถึงโรงงานที่ปล่อยน้ำและสร้างปัญหาให้กับทั้งตัวเองและทุกๆคนที่อาศัยอยู่ริมน้ำ

ป้ารัชนีกล่าวอย่างเผ็ดร้อนถึงโรงงานที่ปล่อยน้ำและสร้างปัญหาให้กับทั้งตัวเองและทุกๆคนที่อาศัยอยู่ริมน้ำ

ป้ายการติดตามเฝ้าระวังคุณภาพน้ำของรัฐที่ไม่มีการปรับปรุงข้อมูล
ป้ายการติดตามเฝ้าระวังคุณภาพน้ำของรัฐที่ไม่มีการปรับปรุงข้อมูล

นั่งเรือผ่านมายังคลองบางหลวง บริเวณชุมชนคูหาสวรรค์ หรือตลาดกำแพง บ้านไม้ห้องแถวแบบโบราณแต่สะอาดตา เป็นที่ดึงดูดของผู้คนที่ผ่านไปมายิ่งนัก เรือนไม้ตกแต่งด้วยภาพถ่ายในอดีต และภาพเขียนของศิลปินกลุ่มหนึ่งที่หนีความวุ่นวายมาสร้างสรรค์งานศิลปะ ณ ริมน้ำแห่งนี้ และยังชักชวนให้ชาวบ้านช่วยกันอนุรักษ์คลองหน้าบ้านไม่ให้ทิ้งขยะลงน้ำอีกด้วย แต่น่าเสียดายสมัยก่อนถ้าน้ำสะอาดกว่านี้ชุมชนนี้คงเป็นชุมชนที่สวยมาก

บ้านไม้ห้องแถวแบบโบราณในคลองบางหลวง หยุดพักกินน้ำชากาแฟ ชมงานศิลปะ
บ้านไม้ห้องแถวแบบโบราณในคลองบางหลวง หยุดพักกินน้ำชากาแฟ ชมงานศิลปะ

ภาพเขียนสีน้ำทิวทัศน์ริมคลองบางหลวง
ภาพเขียนสีน้ำทิวทัศน์ริมคลองบางหลวง

คุณยายเชื้อสายจีนที่นั่งเล่นอยู่ริมคลองหน้าบ้านเล่าให้ฟังว่า “ฉันอยู่ชุมชนนี้มา 60 ปีแล้ว เมื่อก่อนน้ำตรงนี้กินได้เลยนะ ตักขึ้นมาใส่ตุ่มแล้วเอาสารส้มแกว่งก้อกินได้แล้ว แต่เดียวนี้ไม่กล้ากิน อะไรต่อมิอะไรทุกคนก็ทิ้งลงน้ำ” คุณยายเล่าให้ฟังด้วยใบหน้าเรียบเฉย

คุณยายริมน้ำ
คุณยายริมน้ำ

บ้านเรือนสมัยใหม่หันหลังให้คลองมิหนำซ้ำยังต่อท่อตรงคาดว่าไม่ได้รับการบำบัดใดๆทั้งสิ้นระบายทุกสิ่งอย่างสู่สายน้ำ ภาพเหล่านี้เหมือนแทบม้วนเดิมที่ฉายซ้ำไปซ้ำมาผ่านสายตาของพวกเรา ตั้งแต่คลองสนามชัย และคลองดาวคะนอง เราเดินทางตามสายน้ำสีน้ำตาลที่ปนเปื้อนด้วยความเจริญของอุตสาหกรรมในยุคบริโภคนิยม จนถึงปากคลองดาวคะนองและแน่นอนที่สุดคือน้ำและสิ่งปฏิกูลต่างๆมาลงที่เพื่อนรักของเราเช่นเคย “แม่น้ำเจ้าพระยา”

ห้องแถว ชุมชนริมน้ำที่มีลักษณะแตกต่างไปจากเดิม คือหันหลังให้คลองและอาศัยอยู่แบบปัจเจก
ห้องแถว ชุมชนริมน้ำที่มีลักษณะแตกต่างไปจากเดิม คือหันหลังให้คลองและอาศัยอยู่แบบปัจเจก

เราเดินทางกลับพร้อมความเงียบและแดดร้อนยามบ่าย สภาพที่เห็นได้สะท้อนคำถามในใจของเราคล้ายกัน คิดถึงอนาคตอันใกล้ข้างหน้า แม่น้ำเจ้าพระยาของเราอาจจะได้ชื่อว่าเป็นท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ที่สุดในโลกก็เป็นได้

21 commentaires:

  1. แม่น้ำเจ้าพระยาของเราอาจจะได้ชื่อว่าเป็นท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ที่สุดในโลกก็เป็นได้ ไม่ต้องรออนาคตหรอก ขณะนี้ก็เป็นท่อระบายน้ำที่ใหญ่ที่สุดแล้ว

    RépondreSupprimer
  2. แล้วเราจะมีวิธีการแก้ไขอย่างไรที่จะไม่ให้กรุงเทพฯเมืองฟ้าอมรของเรามีท่อระบายน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ชื่อแม่น้ำดจเาพระยาคะ?

    RépondreSupprimer
  3. ได้ส่งตัวอย่างน้ำไปถึงห้องทดลอง มหาวิทยาลัย Exeter ประเทศอังกฤษแล้ว ดร. เควิน บริดเดน นักวิทยาศาตร์ กรีนพีซสากล และทีมงานกำลังทดสอบตัวอย่างน้ำจากประเทศไทยที่ เก็บมาจากคลองที่ไหลลงสู่แม่ น้ำเจ้าพระยา และน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม เรากำลังหาสารเคมีที่เป็นพิษ โลหะหนัก และมลพิษประเภทสารอินทรีย์ เพื่อที่จะชี้ว่าสารประเภทไหนบ้างที่ถูกปล่อยลงในแหล่งน้ำ

    เมื่อเราได้ตัวอย่างน้ำเหล่านี้มา เราก็จะนำไปผ่านกระบวนการทดสอบเพื่อหาสารเคมีปนเปื้อน ขณะนี้เรากำลังทดลองอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะได้ผลทดสอบภายในประมาณหนึ่งเดือน

    ดูคลิปรายละเอียดในห้องทดลอง
    http://www.youtube.com/greenpeacethailand#p/a/u/0/1l0GfCQn7VM

    RépondreSupprimer
  4. วิธีแก้ไขไม่ยากเท่าการสร้างจิตสำนึก ซึ่งทุกคนต้องช่วยกัน

    RépondreSupprimer
  5. จริงๆ คนทำโรงงานและคนที่ปล่อยน้ำเสียลงน้ำนั้น รู้อยู่แล้วว่า จะเกิดผลกระทบอะไรบ้าง แต่ความเห็นแก่ตัวทำให้พวกเขาไม่ใส่ใจ คนในโรงงานหรือเจ้าของโรงงาน เขาไม่ได้อาศัยอยู่ในบริเวณที่ปล่อยน้ำเสีย
    บางคนอยู่ในอาคารหรือคอนโดซึ่งอยู่สูงจากแหล่งน้ำ เลยไม่รู้สึกว่าตัวเองเดือดร้อน

    การแก้ปัญหาคงอยู่ที่ ทำยังไงให้หน่วยงานของรัฐเห็นความสำคัญและลงมือทำเสียที

    เห็นสภาพแล้วกลุ้มใจแทนชาวบ้านริมคลองจริงๆ

    RépondreSupprimer
  6. ผมคิดว่า สาเหตุหลักน่าจะเกิดจากการขาดสามัญสำนึกของคนนะ จึงทำให้สิ่งต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย

    RépondreSupprimer
  7. เราทุกคนต้องช่วยกันสอดส่องดูแลแม่น้ำลำคลองอย่างจริงจังและทุกคนในพื้นที่ต้องรู้จักรักบ้านเกิดของตัวเอง และเริ่มจากตัวเราเอง ที่รู้จักทิ้งขยะให้เป็นที่ ถ้าเราทำได้ก็จะทำให้บ้านเมืองหน้าอยู่มากกว่านี้ ค่ะ มาเริ่มกันเลยตอนนี้ น่ะค่ะ ขอบคุณมากๆๆๆๆ ค่ะ

    RépondreSupprimer
  8. เราควรเห็นคุณค่าของแม่นำลำคลองกันมากๆหน่อยนี่เป็นสิ่งมีคุณค่าของเราทุกคนต้องใช้น้ำและนี่เป็นสายน้ำ สายประวัติศาสตร์ของเรา

    RépondreSupprimer
  9. โลกปัจจุบันเปลี่ยนไป แต่จิตใจคนเสื่อมลง เพราะความมักง่าย และเห็นแก่ตัว เห็นแกประโยชน์ของตนเองเพียงอย่างเดียว...

    RépondreSupprimer
  10. รัฐบาลควรจะต้องจริงจังกับการควบคุมดูแลโรงงาน,สถานที่พักอาศัย,บ้านเรือน,คอนโด ฯลฯ ให้มีการบำบัดน้ำให้อยู่ในคุณภาพที่ดีก่อนปล่อยลงสู่แม่น้ำลำคลอง ควรจะทำอย่างที่ต่างประเทศเขาทำ ควรจะทำเพราะจิตสำนึกรักบ้านเมือง ถ้าต่างประเทศทำได้ ประเทศเราก็ต้องทำได้

    RépondreSupprimer
  11. คนทุกวันนี้ห่วงเรื่องปากท้องของตนเองและครอบครัว มากกว่าจะห่วงเรื่องสิ่งแวดล้อมรอบตัว รวมทั้งรัฐบาลเองก็ไม่ได้มีการรณรงค์,ปลูกฝัง,ให้ความรู้,มีมาตรการที่แน่นอนจัดการผู้กระทำผิด ไม่เห็นมีข่าวการจับกุมโรงงานปล่อยน้ำเสียสักราย มีแต่ข่าวปลาตายโดยไม่ทราบสาเหตุ คาดว่าน่าจะมาจากการปล่อยน้ำเสียของโรงงานอุตสาหกรรม จบข่าว

    RépondreSupprimer
  12. อีกหลายประเทศเขาไม่มีแม่น้ำลำคลองไหลผ่านเหมือนประเทศเรา เขาก็ยังอุสาต์สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นอ๊อกซิเจนของประเทศ คนในประเทศเรามีทรัพยากรที่ดีอยู่แล้วยังไม่ช่วยกันดูแลรักษา...น่าสงสารอนาคตของลูกหลานเรา

    RépondreSupprimer
  13. เชื่อว่าแก้ไขไม่ได้ในเจนเนอเรชั่นนี้ค่ะ แต่คนเจนนี้ ที่เป็นผู้นำเอากฏหมายมาใช้ต้องลอกแบบประเทศจีน ที่ไล่ออก (ทันที) ราชการที่เพิกเฉย (ทุกๆสิ่่งอย่าง ไม่ใช่แค่เรื่องน้ำ)แต่รัฐบาลไทย(ทุกคน ทุกยุค ทุกสมัย และคงตลอดไป...อ่อนระทวยกับเรื่องพวกนี้เกินไป เกินไปจดดิฉันหมดหวังมานานแล้วค่ะ

    RépondreSupprimer
  14. ไปประเทศญี่ปุ่นทุกปี ได้เห็น (เป็นสิ่งที่ปะเทศไทยทำได้ ง่ายๆ....) คือทางระบายน้ำที่ผ่านทุกๆบ้าน ทุกๆถนน ทุกๆซอย เป็นรางคอนกรีต น้ำ....ที่เป็นน้ำผ่านการบำบัด (คิดว่าคงเป็นถังบำบัดที่ทุกบ้านต้องมี คาดว่าเป็นกฏหมายที่เมื่อสร้างบ้าน บังคับว่าต้องติดตั้งถังบำบัดตรงปลายท่อที่ระบายน้ำไปลงรางสาธารณะ) ใสเหมือนน้ำดีๆบ้านเรา อิจฉามากค่ะ

    RépondreSupprimer
  15. อยากให้ลองดูเรื่องที่ง่ายๆ เช่น ขยะจากบ้านเรือนที่ลอยอยู่ในน้ำ น่าจะรณรงค์สามัญสำนึก หรือมีโครงการช่วยช้อนขยะในน้ำบ้างนะค่ะ

    หรือให้รณรงค์ให้ทางรัฐทำท่อน้ำทิ้งตามแม่น้ำให้กับชุมชมตามคลอง ไปบำบัดก่อนปล่อยลงแม่น้ำ

    RépondreSupprimer
  16. เมื่อได้ผลการทดสอบแล้ว ทาง Greenpeace เห็นว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป เืพื่อที่จะให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ....ยินดีสนับสนุนค่ะ

    RépondreSupprimer
  17. I recommend a strict law enforcement to those factories and the water quality improvement should be included as an index for the performance measurement of the responsible district.

    RépondreSupprimer
  18. หากว่าสมัยก่อนเป็นเยี่ยงไร สมัยนี้ก็น่าที่จะดำเนินตามครรลองนั้นๆ ทว่าสิ่งดีมิเกิด เกิดตามแต่สิ่งที่เรียกว่าปัจจุบัน ถ้ามันยากที่จะแก้ มิต้องหาหนทาง ถมคลองกันเลยรึ ถ้านี่เป็นความคิดเห็นของคนปัจจุบัน นั่นแสดงให้เห็นถึงอนาคตอันแล้งแค้นที่จะบังเกิในอีกมิช้า....

    RépondreSupprimer
  19. โครงการบำบัดนำเสียของรัฐบาลไปไหน เกาหลี ญี่ป่นนำในคลองเล็กๆๆยังใสสะอาด ออกจากบ้านก็สะอาด ทำได้อย่างไร รัฐบาลต้องเอาจริงเอาจัง เลือกคนนี้ให้เป็นนายกตลอดชีพเลย บ้านเมืองสวยสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย จิตใจคนนี้ น่าอยู่อบอุ่น ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุขแบบพอเพียงทะเยอทะยานบ้างเล็กน้อย โอ๊ยสุขจังเลย

    RépondreSupprimer
  20. ขอบคุณที่ส่งข้อมูลที่มีค่าต่อชาวโลกตลอดเวลา

    ถ้าหน่วยงาน Green Peace มีจุดมุ่งหมายอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างแท้จริง
    ขอแนะนำนะครับ
    1.ให้ใช้น้ำ อี เอ็ม E M จุลินทรีย์ ที่ในหลวงทรงพระราชทานให้ชาวบ้านทำการเกษตร ใช้บำบัดน้ำเสีย และใส่แทนปุ๋ยเคมี อีเอ็ม มีคุณค่ามหาศาล สามารถทำเองได้ จากเศษผักและอาหาร
    2.แนะนำให้ กทม.ออกกฏหมายขยะ โดยแยกขยะสด ขยะแห้งรีไซเคิล และขยะมีพิษทิ้งทุกๆวันที่ 15และวันที่ 1 ทุกเดือน และออกบทลงโทษอย่างแรง *เอาขยะสดไปทำ น้ำ อีเอ็ม และจำหน่ายแก่ประชาชนในราคาที่ถูกมากลิตรละ2-5 บาทและต้องมีบทบังคับใช้ทุกบ้านทุกหน่วย 1 ลิตรต่อ
    1 วัน รับรองน้ำในแม่น้ำไม่เน่าคลองไม่เหม็น ใต้ท่อระบายน้ำไม่มีก๊าซ ไข่เน่า ก่อเกิดความร้อนสะสม เกิดมลภาวะ และลดภาวะโลกร้อนได้4-5 องศาแน่นอน และเปลี่ยนพฟติกรรมเมื่อ ไปทำบุญก็ที่วัด ก็ใส่ อีเอ็มลงท่อ น้ำทิ้งคนละ 1 ขวด เท่านี้กรุงเทพฯก็ร่มเย็นทั่วไทย ทำที่ง่ายๆเถอะครับ
    โดยเริ่มจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคอุตฯเอกชน จนถึงส่วนของประชาชน
    นาย ยอดชาย ภูมิประเทศ 089 498 9803 E-mail:geobkk@gmail.com

    RépondreSupprimer
  21. เซ็ง คนเห็นแก่ตัว

    RépondreSupprimer