samedi 5 juin 2010

เขาใหญ่.....เราเล็ก



การขยายถนนธนะรัชต์สู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมาอาจเป็นความตั้งใจแอบแฝงของปัญหาการพัฒนารูปแบบเดิมๆ ของนักการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศไทย นั่นคือ ความตั้งใจอย่างเต็มที่ของภาครัฐในการจัดสรรงบประมาณเพื่อหมุนเวียนเศรษฐกิจในกระเป๋าของผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการอนุมัติโครงการฯ แต่คนเหล่านั้นกลับพยายามปกปิดความจริงดังกล่าวไว้


ความรีบร้อนในการขยายถนนธนะรัชต์สู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นระยะทาง 10 กิโลเมตรในช่วงแรกของโครงการ กลายเป็นเผือกร้อนให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คนในพื้นที่และคนรักเขาใหญ่แทบนั่งไม่ติด ประจักษ์พยานในพื้นที่เกิดเหตุบอกว่าโครงการนี้เริ่มลงมือขุดเจาะ ตัดต้นไม้ใหญ่ออกและไถกลบจนเป็นถนนลูกรังอย่างที่เห็นตั้งแต่เดือนที่แล้ว การทำงานหามรุ่งหามค่ำของรถแมคโครและการย้ายต้นไม้ใหญ่บางส่วนออกนอกพื้นที่ตามคำสั่งของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ลักลอบปฏิบัติการในช่วงที่คนไทยมุ่งความสนใจไปที่สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่ปักหลักในกรุงเทพฯ แต่พวกเขาไม่รู้จะไปแจ้งหรือเรียกร้องต่อหน่วยงานใด

การอ้างความชอบธรรมของการขยายถนนสู่เขาใหญ่ กลับเป็นเรื่องไม่ชอบมาพากลเมื่อเกิดการเปิดฉากต่อต้านอย่างเป็นทางการเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในวันพุธที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมาโดยกรีนพีชเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บุกยื่นจดหมายเรียกร้องให้ยุติโครงการฯต่อรัฐมนตรีคมนาคมขณะลงสำรวจพื้นที่เกิดเหตุ แต่เหตุการณ์กลับบานปลายหลังจากท่านรัฐมนตรียืนยันดำเนินการต่อจนโครงการเสร็จสิ้นพร้อมปิดท้ายคำสัมภาษณ์ที่น่าสลดว่า “สิ่งที่เสียไปแล้ว ย่อมเอากลับคืนมาไม่ได้” โดยเชื่อมโยงกับความเป็นเด็กบ้านนอกของตัวเองที่เคยหากบหาเขียด แต่ตอนนี้กบเขียดมีน้อยลงและหาได้ยากขึ้น ท่านลืมนึกถึงการเปลี่ยนแปลงของกบเขียดที่มีผลมาจากการพัฒนา แต่กลับมีสายตากว้างไกลมองเห็นการพัฒนาที่จะทะลุทะลวงเขาใหญ่อย่างชัดเจน ทั้งๆที่ผลกระทบที่ตามมาคือสัญญาณบ่งบอกหายนะทางสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพเหมือนกัน

บทเรียนราคากว่า 69 ล้านบาทของโครงการฯ ที่จะทำให้การต่อสู้ด้วยสองมือเปล่าและหนึ่งความคิดดีๆของคนทั้งในและนอกพื้นที่ด้วยสำนึกดีที่จะคืนความสมดุลทางธรรมชาติให้กลับคืนมาได้สำเร็จ จำเป็นต้องมองต่างมุมในบทบาทของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ประการสำคัญคือ โครงการการขยายถนนสู่เขาใหญ่ขาดการบูรณาการในการกำหนดนโยบายและการดำเนินงานอย่างสิ้นเชิง งบประมาณหลายสิบล้านและความหายนะที่เกินกว่าค่าภาษีคือสิ่งที่ทุกหน่วยงานต้องตระหนักร่วมกันในเชิงผลกระทบและความซ้ำซากของวงจรการโยนความรับผิดชอบที่เกิดขึ้นหลังจากใกล้สิ้นสุดโครงการแทบทุกกรณี ประการที่สองคือ การอ้างประชาพิจารณ์ที่ผ่านการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่บกพร่องอย่างเห็นได้ชัด เมื่อชาวบ้าน เจ้าของรีสอร์ทและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในชุมชนเขาใหญ่บอกว่าพวกเขาไม่เคยได้รับจดหมายเชิญหรือเอกสารเพื่อเข้าร่วมกระบวนการบังหน้าของผู้มีส่วนได้เสียที่เรียกกันว่าการทำประชาพิจารณ์แต่อย่างใด แล้วรายชื่อของผู้ร่วมแสดงความคิดเห็นในรายงานประชาพิจารณ์ที่ถูกแอบอ้างมาปรากฏในเอกสารประกอบโครงการได้อย่างไรภายในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง ประการสุดท้ายคือ ตราบใดที่การพัฒนาเริ่มต้นด้วยการมองจากความต้องการของคนใหญ่กว่าธรรมชาติ แน่นอนว่าการบุกรุกและเหยียบย่ำธรรมชาติย่อมไม่มีวันสิ้นสุด เขาใหญ่ในวันนี้จึงต้องการคนตัวเล็กที่มองเห็นอุทยานแห่งชาติ

เขาใหญ่ใหญ่กว่านักการเมืองและอย่าปล่อยให้พวกเขาเหล่านั้นใหญ่กว่าเขาใหญ่เด็ดขาด




ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง

28 commentaires:

  1. นี่คือความอัปยศที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าบนผืนป่าของไทย โดยฝีมือของนักการเมืองที่อ้างว่ามาจากลูกชาวนา

    RépondreSupprimer
  2. กลุ่มอนุรักษ์ผืนป่าทับลาน9 juin 2010 à 21:59

    ให้หยุดทำไปเลยโครงการนี้ ก่อนที่เขาใหญ๋จะไม่มีคนเที่ยวอีกต่อไปด้วยน้ำมือของนักการเมืองไทย

    RépondreSupprimer
  3. จะทำอย่างไรถึงจะรู้ก่อนที่ต้นไม้เมืองไทยจะถูกตัด และพวกเราจะได้ร่วมคัดค้านทัน เพราะทุกครั้งที่ต้นไม้ถูกตัดไปแล้วพวกเราถึงรู้ และคัดค้านมันก็สายไปแล้ว

    RépondreSupprimer
  4. ขอบคุณกรีนพีช ที่ช่วยปกป้องผืนป่า

    RépondreSupprimer
  5. ที่ปากช่องวันที่ 15 มิถุนายน มีการทำประชาวิจารณ์ สร้างโรงงานกำจัดขยะที่ทิ้งขยะข้าง วิลัยการอาชีพปากช่อง ณ .หมู่บ้านโนนป่าติ้ว พี่ๆกรีนพืช พอจะมีข้อมลู ว่า ควรสร้างหรือไม่ หรือ ความรุ้ ของโรงงานกำจัดขยะ ผลกระทบส่วนต่างๆๆ โปรดช่วย ชาวบ้านที่อยุ่ระแวกใกล้เคียงกับที่ทิ้งขยะ ด้วยนะครับ

    RépondreSupprimer
  6. ขอบคุณมากครับสำหรับข่าวที่แจ้งให้ทราบ กรีนพีซจะเป็นกำลังใจให้

    แม้ว่าบ่อฝังกลบขยะจะเป็นวิธีที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับการเผา เตาเผาขยะ แต่บ่อฝังกลบขยะก็ส่งปัญหาสิ่งแวดล้อมได้มากหากการสร้างและการจัดการไม่ดี และยังขึ้นอยู่กับขยะที่จะเอามาทิ้ง

    ข้อแรกที่ต้องถามกลับคนต้องการสร้างคือ

    1. ขยะที่จะนำมาฝังกลบเป็นขยะอะไร เป็นขยะอุตสาหกรรม หรือขยะบ้านเรือน หากเป็นขยะอุตสาหกรรมจะสามารถก่อปัญหาได้มากกว่า

    2. มีความจำเป็นมากน้อยเพียงใด มีการแยกขยะเพื่อนำส่วนที่นำไปใช้ประโยชน์ได้ เช่น recycle หรือทำปุ๋ย แล้วหรือยัง การปฏิบัติดังกล่าวจะลดปริมาณขยะได้มากถึง 80-90% และจึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องสร้างบ่อขยะเพิ่มเติม

    3. บริเวณที่จะนำมาสร้างคือที่ใหน มีลักษณะทางกายภาพอย่างไร มีชุมชนอยู่หรือไม่ สิ่งที่ต้องคำนึงคือจะต้องไม่อยู่ใกล้ทางน้ำ ทั้งน้ำใต้ดินและน้ำผิวดิน (แม่น้ำ ลำคลอง) เพราะจะทำให้ปนเปื้อนได้ และจะต้องไม่ใช่พื้นที่ป่า หรือเป็นพื้นที่ต้นน้ำ

    4. การสร้างได้มาตรฐานหรือไม่อย่างไร จะจัดการกับปัญหาเรื่องมลพิษ กลิ่น และน้ำเสียอย่างไร และปัญหาเสียงจากรถขน และถนนที่ต้องแข็งแรงพอ

    5. ชุมชนที่อยู่รอบทำอาชีพอะไร จะได้รับผลกระทบหรือไม่ ปัญหาที่พบมากที่สุดคือเรื่องกลิ่นรบกวน และน้ำเสียที่จะส่งผลต่อน้ำอุปโภคบริโภคมาก รวมถึงน้ำทำการเกษตร

    RépondreSupprimer
  7. รับไม่ได้

    RépondreSupprimer
  8. ควรสนใจการโค่นต้นไม้ริมถนนให้น้อยลง กรีนพีซ ควรสนใจการทำลายป่าไม้และสัตว์ป่าของนายทุนในพื้นที่ป่าสงวนทั่วประเทศมากกว่า เพราะแต่ละปีเสียหายมากกว่าการทำถนนหลายเท่า เฉพาะในจังหวัดสุราษฯบ้านผมที่เดียวโดนทำลายปีละหลายร้อยไร่ ไม่รวมที่ที่ชาวบ้านบุกรุกเพื่อเอาที่มาทำกิน ที่ต้องเผาต้นไม้ทิ้งฟรีๆอีกหลายร้อยต้น แล้วถ้าทั่วประเทศละ ปีหนึ่งเท่าไหร่ตรงนั้นต่างหากที่ควรสนใจให้มาก

    ขอขอบคูณ
    สำเริง

    RépondreSupprimer
  9. ทำอย่างไรน้ำคลองที่เน่าเสียใน กทม.และปริมณฑล ถึงจะดีขึ้น จะมีใครใส่ใจกับเรื่องนี้บ้าง เช่น ตามคลองแสนแสบ อยากให้บ้านเมืองดีขึ้นกว่านี้

    RépondreSupprimer
  10. สืบสานเจตนารมย์ พี่สืบ18 juin 2010 à 01:09

    ชื่นใจที่ได้รู้ว่ายังมีคนดีๆ อีกมาก ที่รักน้ำ รักป่า รักประเทศไทย
    หลังจากที่พึ่งจะได้แวะไปอ่านความคิดเห็น ของชาวพันธุ์ทิพย์
    ในห้องBlueplanet มาก่อนหน้านี้
    ขออนุญาตินำเรื่องเขาใหญ่ จากblueplanet มาให้พี่น้องกรีนพีซ
    และคนไทย ที่ห่วงใยสิ่งแวดล้อม ได้อ่านกันครับhttp://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9329358/E932935

    RépondreSupprimer
  11. ขอบคุณทุกท่านที่ก้าวออกมาร่วมคัดค้าน
    ช่วงเปิดข่าวเรื่องนี้ คนไกล ไม่มีข้อมูล ยากใจการตัดินใจ
    ขอบคุณทุกๆ สื่อ
    ขอให้คนคิดทำถนนคิดให้ได้ ว่าต้องรักป่า รักน้ำ รักแผ่นดินเกิด รักมรดกโลก
    จริงๆ แล้วไม่ต้องมีถนนเลย ดีที่สุด

    RépondreSupprimer
  12. เห็นด้วยกับความเห็นที่ 8

    ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้ เพียงเพราะเห็นว่าไม่มีความจำเป็น สิ้นเปลืองงบประมาณ และมองว่าเป็นการหาผลประโยชน์ของนักการเมืองเท่านั้น

    ส่วนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผืนป่าเขาใหญ่ ยังห่างไกลกันมาก ไม่มีอะไรที่จะบอกได้ชัดเจนว่าเขาใหญ่โดนย่ำยี ไม่มีพื้นที่ส่วนไหนของมรดกโลกโดนทำลาย ถนนใหญ่ขึ้นไม่ได้หมายความว่าคนจะขึ้นเขาใหญ่มากขึ้น ไม่มีเหตุผลที่เขาใหญ่จะโดนถอดออกจากมรดกโลก

    ถนนธนรัตน์เป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกก็แค่บริเวณที่อยู่ในเขตอุทยานฯ ไม่ได้หมายรวมถนนทั้งเส้นดังคำอ้างของนักวิชาการอิสระบางคน เพราะไม่งั้นถนนเส้น 304 ก็ต้องเป็นมรดกโลกตั้งแต่ โคราชยันปราจีน แล้วถามว่าตอนนี้ ถนน 304 บางส่วนที่ตัดผ่านผืนป่า กลายเป็น 4 เลนไปแล้ว แต่กรีนพีชไปอยู่ไหนมา ทำไมพึ่งออกมาเอาตอนที่มีกระแสเรื่องเขาใหญ่ หรือว่ากระแสเรื่องนี้ดังกว่า ...

    ไหนจะมีอีกหลายผืนป่าที่โดนทั้งชาวบ้านตาดำๆ ที่อ้างแต่ความยากจน (ทั้งปี) ไปจนถึงนายทุนใหญ่ๆ นักการเมืองร่วมกันบุกรุกทำลาย ซึ่งดูแล้วมันหนักหนากว่าการตัดต้นไม้ข้างทางเพียงไม่กี่ต้นเสียอีก... ป่าดงใหญ่ที่โนนดินแดง บุรีรัมย์ มีกลุ่มราษฎรเข้าไปเรียกร้องที่ทำกัน วันดีคืนดีก็แอบถางป่าโล่งเตียนนับสิบๆ ไร่ ... แล้วก็ป่าอีกหลายที่ อุทยานอีกหลายๆ แห่ง โดนบุกทำลายทุกวัน ต้นไม้ใหญ่ถูกตัด ไม่มีการปลูกทดแทนแต่กลับเปลี่ยนเป็นไร่มันสำปะหลัง ไร่ข้าวโพด กรีนพีชน่าจะออกมามีบทบาทบ้าง (ถ้ายังอยากได้รับการสนับสนุน)

    การออกมาต่อต้านการตัดต้นไม้ (ในที่ที่ไม่ใช่ป่า)ก็มองเป็นเรื่องที่ดีได้ อย่างน้อยก็เป็นการปลุกกระแสให้คนออกมาสนใจและใส่ใจธรรมชาติมากขึ้น แต่จะบอกให้รู้ว่า การอนุรักษ์ต้นไม้ ไม่หมายความว่า “ห้ามตัด” ยิ่งถ้าจะอ้างว่าลดโลกร้อน ยิ่งควร “ตัด” แล้วก็ “ปลูก” “ตัด” ต้นที่ควรตัด “ปลูก” ไม้ที่ได้ใช้ประโยชน์ ส่วนไม้ที่อยู่ในป่าธรรมชาติต้องห้าม "ตัด" เป็นสิ่งที่ถูกอยู่แล้ว...

    เรื่องนี้ต้องคุยกันยาว ไว้ว่างๆ จะมาเล่าให้ฟัง...

    RépondreSupprimer
  13. ชาวเราทำงานช้าไป พวกเขาทำลายเร็วมาก แต่ยังดีกว่าไม่ทำ ขอสนับสนุน
    ให้ฟ้องศาลปกคลอง ทำเรื่องเอาผิดผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ทำให้เป็นคดีตัวอย่างบ้าง สาธารณชน ได้รับรู้

    RépondreSupprimer
  14. เป็นกำลังใจให้คนกล้าคะ

    RépondreSupprimer
  15. ต่อสู้เพื่อนโลกต่อไปนะคะ คุณคือผู้เสียสละค่ะ
    การกระทำที่เห็นแก่ตัวเอง ไม่ทำให้เขามีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข
    หากปกป้องตัวเอง แต่ทำร้ายโลกแบบนี้ สุดท้ายก็ได้รับผลกระทบกันหมด

    RépondreSupprimer
  16. ยังมีหลายเส้นทาง ที่กำลังจะถูกตัด โดยเฉพาะเส้น สุราษ-ตะกั่วป่าผ่าน อช.เขาสกคงอีกไม่นาน

    RépondreSupprimer
  17. สั่งฆ่าคนยังทำได้ นับประสาอะไรกับตัดต้นไม้ ง่ายกว่ากันเยอะ ผมเชื่อว่าเจ้าป่าเจ้าเขา จะลงโทษ ผู้มีอำนาจในการสั่งการ หยุทำร้ายประเทศไทย หยุดทำลายเขาใหญ่

    RépondreSupprimer
  18. ระบบธุรกิจปรับตัวเร็วเกินไปมาก คนเรากินเกินใช้ ใช้เกินมี ลัทธิผีบ้าเราก็เข้ากันได้เลวๆๆๆๆ แค่เพื่อการอนุรักษ์เราปรับเข้ากับโลกไม่ได้ คนไทยปรับตัวช้ามาก วันหนึ่งที่ทะเลกลืนประเทศไทยไปหมดแล้ว จะมีคนเข้าใจเรื่องระบบนิเวศน์ไหม

    RépondreSupprimer
  19. อยากจะบอกก่อนจะทำอะไรควรคิดและไตร่ตรองก่อนทีจะลงมือปฎิบัติ
    ไม่ใช่ลงมือปฎิบัติก่อนแล้วมาไตร่ตรอง เด๊ยวนี้รัฐบาลเค้าทำงานกันแบบนี้แล้วหรือ ถ้าเป็นเอกชนนะครับ โดนแน่ๆเลย

    RépondreSupprimer
  20. รู้มัยว่าถนนสายเขาใหญ่ ตอนนี้เดือดร้อนมากฝนตกทุกวันเลยค่ะ ไหลทางที่กำลังก่อสร้างมันเป็นดิน ทางเข้าออกบ้านเละมาหลายวันแล้วเพราะทางเดิมสูงกว่าไหลทางจึงมีทางออกเฉพาะที่และต้องขับรถผ่านดินโครนที่ฝนตก จักรยานยนต์ลื่นล้มกันหลายคันแล้ว จะทำอะไรก็รีบทำกันเถอะ ไม่อย่างนั้นช่วยให้ทางหลวงเอาหินลงทางเข้าออกให้ก่อนได้มัยค่ะ ขอบคุณค่ะ

    RépondreSupprimer
  21. เห็นด้วยอย่างมากเลยค่ะ ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะค่ะ

    RépondreSupprimer
  22. ในเมื่อยังมีอีกหลายคนไม่รู้จักคุณค่าของต้นไม้ ในจิตสำนึกของคนหลายคนยังไม่มีต้นไม้ในหัวใจ ยังเห็นสิ่งอื่นมีค่ายิ่งกว่า เหตุการณ์แบบนี้ก็คงยังมีอยู่ล้ำไป จะหาคนผิดเอามาลงโทษก็ไม่ได้ หรือหาคนผิดได้ แล้วจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อต้นไม้ได้ถูกตัดไปแล้ว หลายคนที่รู้คุณค่าของต้นไม้ก็นำต้นไม้ไปปลูกกลับอยู่ล้ำไป พวกเค้าก็คอยตัดอยู่ล้ำไป

    RépondreSupprimer
  23. สงสารต้นไม้ และเสียดายเวลากว่าที่เค้าจะโตมาได้ขนาดนี้ รวมๆทุกต้นไม่รู้กี่พันปีเนอะ อย่างน้อยก็อยากให้ย้ายไปปลูกที่อื่นค่ะ
    ยังไงก็ขอขอบคุณผู้ที่มีส่วนในการรักษาต้นไม้ครั้งนี้นะคะ

    RépondreSupprimer
  24. จงช่วยกันรักษ์ต้นไม้เขาใหญ่ไว้นะ เพราะเป็นแหล่งที่ผลิตอากาศบริสุทธิ์ให้กับภาคกลางใกล้ กทม.และของประเทศของโลกด้วย พวกที่เห็นแก่ตัวมันจองจะทำลายธรรมชาติ ขอมันขาดอากาศหายใจเลย..ไม่สงสารหลอกคนพวกนี้ เพราะเขาใจดำทำร้านคนและสัตว์ได้ทั้งโลก

    RépondreSupprimer
  25. เคยดูสารคดีว่า ต่างประเทศจะทำสะพานข้ามป่าไปเลย และหรือบางช่วงจะทำสะพานอุโมงค์ให้รถลอดผ่านไปเพื่อให้สัตว์สามารถข้ามไปมาสองฝั่งถนนได้จะดีกว่าไหมครับ

    RépondreSupprimer
  26. ดิฉันก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการ management เท่าไหร่
    แต่ในความเป็นจริงแล้วทรัพยากรที่เรามีนั้นควรเห็คุณค่าอย่างแท้จริงของมันและเราหวังผลสิ่งใดจากมัน เราต้องแยกให้ออกไม่ใช่เพียงว่าจะเหมารวมทุกๆสิ่งอย่างเข้าด้วยกันทั้งเรื่องการทำถนนหรือว่าการนำไม้ออกมาใช้ประโยชน์ส่วนตน การทำถนนเพื่อประโยชน์อะไร การตัดไม่เพื่ออะไร
    ในเมื่อได้มีการตัดไม้ลงไปแล้ว ได้มีการเสียงบประมาการทำโครงการสร้างถนนลงไปแล้วก็น่าจะทำเพื่ออะไร หรือทางไหนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
    ต้นไม้ที่ตัดไปแล้วก้ควรนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ใช้ว่าจะดองไม้ไว้อย่างนั้น เพื่ออะไร ทำให้สูญเสียคุณค่าของไม้เปล่าๆ ปากบอกว่าเสียดาย สงสาร ปล่อยทิ้งอย่างนั้นไม่น่าเสียดายมากกว่าหรือ ถนนก็ทำค้างไว้อย่างนั้นไอ้คนพูดก็นอนอยู่บ้านไม่ได้เสียหายมากมายแต่คนที่เดือดร้อนคือคนที่ใช้ประโยชน์ถนนน่ะค่ะ ในเรื่องของต้นไม้ความเป็นจริงแล้วการตัดต้นไม้ก็อาจเป็นการลดโลกร้อนได้อีกทางถ้าหากเราตัดต้นไม้ใหญ่ออกและนำไปใช้ประโยชน์คาร์บอนก็ยังคงกักเก็บไว้ที่เนื้อไม้และเป็นการเพิ่มพื้นที่ในการปลูกต้นไม้ใหม่เพิ่มเพราะว่าต้นไม้ที่ปลูกใหม่ต้องการคาร์บอนเพื่อช่วยในกระบวนการในการเจริญเติบโตมาก ทำให้ต้นไม้ที่ยังไม่โตหรืออายุยังน้อยสามารถดูดซับคาร์บอนต่อปีได้มากกว่าต้นไม้ใหญ่มากนักและถ้าหากเราปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้นก้จะยิ่งดูดซับคาร์บอนได้มาก ส่วนที่คิดไม่ตกตรงที่ว่าถ้าหากถนนมีความกว้างมากขึ้น ในบางช่วงถนนจะมีสัตว์ข้ามถนนเพื่อออกนอกพื้นที่เพื่อหาอาหาร ถ้าหากสัตว์เหล่านั้นข้ามถนนไม่ทันหล่ะ และถ้าหากมีรถวิ่งโดยประมาทหรือวิ่งเร็วจนไม่ได้สังเกตุสัตว์เหล่านั้นหล่ะจะเกิดอะไรขึ้น

    RépondreSupprimer
  27. วันนี้คุณปลูกต้นไม้หรือยัง

    RépondreSupprimer
  28. ถึง คห 26 คะ

    ต้นไม้ต้นใหญ่ ต้องการคาร์บอนในปริมาณที่มากกว่าต้นไม้ต้นเล็กค่ะ

    โปรดเข้าใจให้ถูกด้วยค่ะ

    เนื่องจากว่าต้นไม่ที่มีขนาดใหญ่กว่า ย่อมมีใบมากกว่า

    และต้องการคาร์บอนไดออกไซด์ไปหล่อเลี้ยงลำต้นในปริมาณที่มากกว่า

    เพื่อการเจริญเติบโต

    ดังนั้นที่คอมเม้นมา มันออกจะดูแปลกๆ ไปซะหน่อยน่ะคะ

    RépondreSupprimer