ณ มุมสงบสันติแห่งหนึ่งของแม่น้ำเจ้าพระยา
ชุมชนตำบลมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ของจังหวัดชัยนาทอยู่ในโอบกอดของแม่น้ำ (และภูเขาลูกย่อมๆ) ฝั่งตะวันออกเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านตะวันตกเป็นจุดกำเนิดของแม่น้ำท่าจีน ไม่น่าเชื่อว่า ความสงบสันติของชุมชนและความงดงามตามธรรมชาติของพื้นที่แห่งนี้จะกลายเป็นตัวเลือกหนึ่งของพื้นที่ในการสำรวจความเหมาะสมในการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าฉบับปัจจุบัน
ทันทีที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และสำนักงานพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ซึ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ภายใต้งบประมาณผูกพันสามปีของกระทรวงพลังงาน ได้งัดข้อมูลพื้นที่ 14 แห่งเพื่อสำรวจความเหมาะสม และตัดออกเหลือ 4 แห่ง ในเวลาต่อมา ออกสู่สายตาของสาธารณะชนผ่านงานสัมมนาที่จัดขึ้นในกรุงเทพฯ หนังสือพิมพ์หลายฉบับได้ลงข่าวว่า ชัยนาทถูกเล็งให้เป็นสถานที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งใหม่ นำไปสู่การรับรู้ที่มากขึ้นของชุมชนในเขตตำบลมะขามเฒ่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่บริษัทที่ปรึกษา Burn and Roe ที่รับจ้างจากกระทรวงพลังงานศึกษาความเหมาะสมของการดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ได้ส่งทีมสำรวจเข้าไปเจาะชั้นดินเพื่อเก็บข้อมูลด้านธรณีวิทยานั้น ได้สร้างความกังขาให้คนในพื้นที่ และตัวแทนชุมชนได้ติดต่อมาที่กรีนพีซเพื่อประสานในด้านข้อมูลเพิ่มเติมหลังจากนั้นไม่นาน
ณ ที่สงบสันติริมฝั่งเจ้าพระยาตรงนั้น จึงได้ระอุขึ้นมาด้วยประเด็นใหม่ "พลังงานนิวเคลียร์"
เด็กนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ ชมนิทรรศการ "บาดแผลแห่งเชอร์โนบิล" ของกรีนพีซ

บทเพลงต้านนิวเคลียร์
อาจกล่าวได้ว่า นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี ที่เราได้เห็นชุมชนลุกขึ้นมาตั้งคำถามกับประเด็นพลังงานนิวเคลียร์ในประเทศไทย นอกเหนือจากกรณีศูนย์วิจัยนิวเคลียร์ที่องครักษ์ ความคิดในการผลักดันให้มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นั้นมีมานานแล้ว ครั้งแรกในปี 2509 โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ (โครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่อ่าวไผ่ ชลบุรี) โครงการต้องพับไปเนื่องจากการค้นพบก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย มีการรื้อฟื้นโครงการอีกครั้งในปี 2520 คราวนี้ด้วยกระแสของการต่อต้านนิวเคลียร์ในระดับโลก การผลักดันโครงการจึงไม่เป็นผล และการเกิดอุบัติภัยนิวเคลียร์ครั้งร้ายแรงในประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมที่โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลในปี 2529 ก็ถือเป็นการตอกตะปูฝาโลงให้กับการขยายตัวของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั่วโลก
ความบ้านิวเคลียร์กลับมาอีกครั้งจากประเด็นของภาวะโลกร้อนและความมั่นคงของแหล่งพลังงาน อุตสาหกรรมนิวเคลียร์ใช้วิวาทะนี้เพื่อเร่ขายเทคโนโลยีนิวเคลียร์ของตนไปทั่วโลก และชัยนาทก็เป็นหนึ่งในสมการแห่งความบ้าคลั่งดังกล่าว
คนตำบลมะขามเฒ่าที่ชัยนาทเป็นคนรักสงบ การที่พวกเขาลุกขึ้นมารวมตัวกันตั้งคำถาม จัดเวทีพูดคุย และทำงานด้านข้อมูลข่าวสารเรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ นับเป็นเรื่องไม่ธรรมดา เสียงของพวกเขาสมควรต้องได้รับการรับฟังจากคนในสังคมไทยเป็นอย่างยิ่ง และแน่นอนรัฐบาลและผู้ผลักดันโครงการนั้นไม่ควรเพิกเฉย แต่พวกเราก็ใช้กลยุทธ์การเพิกเฉยแบบแยบยล เห็นได้จากจดหมายจากกระทรวงพลังงาน ที่ลงนามโดยรองปลัดกระทรวง ซึ่งรั้งตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แจ้งมายังผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาทว่า จากการสำรวจข้อมูลเบื้องต้นสรุปว่าพื้นที่สำรวจที่ตำบลมะขามเฒ่ามีคุณสมบัติต่ำกว่าเกณฑ์ในการคัดเลือกให้เป็นพื้นที่สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
จดหมายจากกระทรวงพลังงานฉบับนี้ถือว่าเป็นกลยุทธ์ (สกปรก) ที่ได้ผลพอสมควร คนในชุมชนส่วนใหญ่คิดว่า รัฐบาลจะไม่สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่นั่นแล้ว แต่กลยุทธ์นี้เป็นสิ่งที่นำไปใช้อย่างกว้างขวางในหลายพื้นที่ที่มีความขัดแย้งระหว่างชุมชน รัฐ และ กลุ่มทุน ในกรณีโครงการพัฒนาขนาดใหญ่รวมถึงโครงการพลังงานต่างๆ จดหมายฉบับนั้นจึงถูกถอดรหัสในทันทีว่าเป็น กลอุบายของรัฐในการลดกระแสต่อต้านของประชาชน
การหลับหูหลับตาผลักดันโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์โดยไม่ฟังความเห็นที่หลากหลายของประชาชนนับเป็นเรื่องเปราะบาง การใช้งบประมาณ (ที่มาจากภาษีประชาชน) ลงไปยัดเยียดข้อมูลผ่านการประชาสัมพันธ์และทำให้คนยอมรับโครงการนั้นเป็นการคิดที่หยาบคายและตื้นเขินเป็นอย่างยิ่ง
หงา คาราวาน

วงคาราวานที่ขับขานเพลงแห่งการต่อสู้ของคนเล็กคนน้อย ของภาคประชาชน ก้องกังวานบนเวทีคอนเสิร์ต บนสนามฟุตบอลโรงเรียนวัดสิงห์ เป็นเสียงเพลงที่สร้างแรงบันดาลใจ และถือเป็นจุดเริ่มของการต่อสู้ของประชาชนอีกหน้าหนึ่ง เราอยากเรียกงานคอนเสิร์ตนี้ว่าเป็น งานดนตรีต่อต้านโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ครั้งประวัติศาสตร์
บทเพลงเก่านำมาขับขานใหม่ ที่สอดแทรกเนื้อหาผ่านคำร้อง ได้จุดประกายให้คนลุกขึ้นสู้ เราขอคารวะจิตใจวิญญานชุมชนที่นั่น เราเชื่อเหลือเกินว่า ด้วยพลังของประชาชน เราจะประสบชัยชนะในที่สุด
ดูภาพสไสลด์งานคอนเสิร์ตและนิทรรศการได้ที่นี่
ดูภาพสไสลด์งานคอนเสิร์ตและนิทรรศการได้ที่นี่
ธารา
ไม่แปลกหรอกครับ ลองย้อนหลังกลับไปดุซิ กฟภ.ไปตรงไหน มีแต่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน เช่น แม่เมาะ บางคล้า บ่อนอก-หินกรูด
RépondreSupprimerคุณธารา ฝากถาม กฟภ.หน่อยครับว่า คิดแบบคนไทยรักคนไทยได้ไหม
อย่าหลงเชื่อพวกต่างชาติที่ล่อเราเข้ากองไฟ ขายเทคโนโลยี เสนอผลประโยชน์มากมาย คิดทางวเลือกใหม่ สนับสนุนให้เกิดโรงไฟฟ้าชุมชน เช่น โรงไฟฟ้ากระแสลมชุมชน ดูแลโดยชุมชน แล้วขายกระแสไฟฟ้าให้ กฟภ. ในบางพื้นที่ภูมิประเทศมีภูเขา มีกระแสลม แค่เอากังหันขึ้นไปไว้ในพื้นที่สูง ปั่นกระแสไฟฟ้า มันน่าจะเป็นทางออกให้กลับประเทศไทยได้ ทำหลายๆพื้นที่ สร้างอาชีพ รายได้ ภายในประเทศ ที่สำคัญไม่ทำร้ายลูกหลานของเราจากกัมมันตรภาพรังสีรั่วไหลได้อีกด้วย เห็นแก่คนไทยเถอะ ลืมผลประโยชน์ที่เขาจะเสนอให้เถอะครับ
ว่ากฟภ.กันเข้าไป ถ้าไม่มีกฟภ.คุณจะมีไฟฟ้าใช้มานั่งวิจารณ์เขาไหมครับ ทุกสิ่งทุกอย่างมีทั้งข้อดีข้อเสียทั้งนั้นแหละครับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ก็มีทั้งข้อดีทั้งข้อเสีย พลังงานลมที่คุณว่าก็เป็นทางออกที่ดีแต่มันไม่พอกับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่ไร้ขีดจำกัดของมนุษย์หรอกครับและกัมมันตภาพรังสี (ไม่ใช่กัมมันตรภาพนะครับ) ก็ไม่ใช่จะรั่วกันง่ายๆนะครับไม่งั้นคงรั่วกันหมดทั้งโลกแล้วหล่ะครับ ในเมื่อต้องการใช้ไฟฟ้าก็ต้องยอมให้สร้างโรงไฟฟ้าถ้าไม่อยากให้มีโรงไฟฟ้าก็หัดประหยัด ลดการใช้ไฟฟ้าสิครับ แก้ปัญหาได้ดีที่สุด ยังไงก็รู้จักมองต่างมุมกันบ้างนะครับ
RépondreSupprimerเรียน เจ้าของความเห็นที่ 2
RépondreSupprimerกฟผ. ผลิตไฟฟ้าให้เราซึ่งเป็นคุณประโยชน์ต่อมนุษย์ หากแต่ไฟฟ้าที่เราใช้กันมาจากโรงไฟฟ้าถ่านหินและนิวเคลียร์ ซึ่งสกปรกอย่างที่สุด
ไฟฟ้าพลังถ่านหิน
ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ก่อมลพิษสูงที่สุด และเป็นตัวปล่อยคาร์บอนไดออกไซต์ ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจก มากที่สุดในโลก ปัจจุบันการเผาไหม้ถ่านหินปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ 1 ใน 3 ของโลก ก๊าซเรือนกระจกเป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อนหรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้การทำเหมืองถ่านหินยังเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมและเป็นสาเหตุการเจ็บป่วยและการตายของคนงานในเหมือง และสุขภาพของสิ่งมีชีวิตโดยรอบ
กรณีตัวอย่างของภัยอันตรายต่อสุขภาพรอบโรงไฟฟ้าและเหมืองถ่านหิน ได้แก่ โรงไฟฟ้าแม่เมาะ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าและเหมืองถ่านหินขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โรงไฟฟ้าแม่เมาะปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ประมาณ 1.6 ล้านตัน ส่งผลต่อสุขภาพของชุมชนและทำลายสิ่งแวดล้อมโดยรอบ ในแต่ละปีโรงไฟฟ้าดังกล่าวยังเป็นต้นเหตุของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ถึง 4 ล้านตัน ออกสู่อากาศ
อีกกรณีได้แก่โรงไฟฟ้าถ่านหินที่ทาบตาพุด โดยพบสารอินทรีย์ระเหยมากว่า 40 ชนิด ในอากาศของพื้นที่มาบตาพุด เป็นสารก่อมะเร็ง 20 ชนิด และใน 20 ชนิดพบสารอินทรีย์ระเหยก่อมะเร็งที่มีค่าเกินระดับที่ปลอดภัยต่อสุขภาพในพื้นที่มาบตาพุด และจากรายงานของสถาบันมะเร็งแห่งชาติพบว่าอัตราผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งในอำเภอเมือง ตั้งแต่ พ.ศ. 2540-2544 สูงกว่าอัตราผู้ป่วยโรคมะเร็งในอำเภออื่นๆ ถึง 3-5 เท่า นอกจากนี้ น้ำผิวดินและใต้ดินในพื้นที่มาบตาพุดนั้น ยังปนเปื้อนไปด้วยสารโลหะหนักอย่างเช่น นิกเกิล ทองแดง ปรอท และสารประกอบอาเซนิก
พลังงานนิวเคลียร์
- กัมมันตภาพรังสี
อุตสาหกรรมนิวเคลียร์ไม่สามารถดำเนินการได้โดยไม่ปล่อยกัมมันตภาพรังสีปริมาณมหาศาลออกสู่สิ่งแวดล้อม พลังงานนิวเคลียร์ และ การผลิตและการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ที่เกิดจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของมนุษยชาติ ได้ก่อให้เกิดวัสดุกัมมันตภาพรังสีที่ก่อนหน้านี้ไม่ปรากฎในสิ่งแวดล้อม การทำเหมืองแร่และกระบวนการทางอุตสาหกรรม ทำให้วัสดุที่มีกัมมันตภาพรังสีโดยธรรมชาติ เช่น ยูเรเนียมและโธเรียมถูกปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อม และในทุกๆ วันน้ำทำความเย็นและก๊าซที่ปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีถูกปล่อยออกสู่แม่น้ำ น้ำทะเลตามชายฝั่ง และ ขึ้นสู่อากาศ ทั้งอย่างถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย
ประชากรโลกในปัจจุบันและในอีกหลายร้อยหลายพันปีข้างหน้าจะต้องประสบกับสารพิษนี้ที่จะยังคงแผ่รังสีต่อไป ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพและยีนส์กองกลาง (gene pool) ของพวกเขา มาตรฐานทั่วโลกด้านรังสีและสุขภาพ ระบุว่าไม่มีขีดจำกัดด้านความปลอดภัยของการสัมผัสรังสี ซึ่งเกิดจากการผลิตไฟฟ้าโดยใช้พลังงานนิวเคลียร์
- อุบัติเหตุนิวเคลียร์
ความจริงเกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์ไม่แตกต่างไปจากเมื่อศตวรรษที่ 20 นั่นคือ มีอันตรายเป็นของคู่กัน ครั้งแล้วครั้งเล่าที่อุตสาหกรรมนิวเคลียร์ได้แสดงให้เห็นว่าความปลอดภัยและพลังงานนิวเคลียร์เป็นคำที่ขัดแย้งกัน
เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ปลอดภัยเป็นมายาคติ อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นจากเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ทุกเครื่อง ซึ่งทำให้เกิดการปล่อยรังสีปริมาณมากจนถึงแก่ชีวิตได้ออกสู่สิ่งแวดล้อม แม้ในระหว่างการปฏิบัติการตามปกติ แต่สารกัมมันตภาพรังสีก็ได้รั่วไหลออกสู่อากาศและน้ำอย่างสม่ำเสมอ นโยบายที่ถูกปิดเป็นความลับในเรื่องการพัฒนาระเบิดนิวเคลียร์ถูกเปลี่ยนไปใช้กับโครงการพลังงานนิวเคลียร์ของพลเรือนหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน
อุตสาหกรรมนิวเคลียร์ต้องพบอุปสรรคที่ร้ายแรงจากอุบัติเหตุนิวเคลียร์ที่เกิดขึ้นเป็นเวลานาน (พ.ศ. 2529) ก่อนเกิดหายนะจากอุบัติเหตุที่เชอร์โนบิล และ 20 ปีต่อมา อุตสาหกรรมนิวเคลียร์แปดเปื้อนไปด้วยอุบัติเหตุ และ ความล้มเหลวที่เกือบเกิดขึ้น
โรงไฟฟ้าไม่ดี หรือกระบวนการในการตรวจสอบการทำงานของโรงไฟฟ้าไม่ดีกันแน่ ลองแยกประเด็นอีกนิดดีมั้ยครับ
RépondreSupprimerไอ้แบบที่ดีๆก็มีนิครับ ผมเห็นคัดค้านกระทั้ง
แบบชีวมวล
แบบก๊าซธรรมชาติ
หรือจะให้กลับไปใช้น้ำมันยางดี
จริงๆคงต้องดูถึงผลได้ผลเสียของการที่จะทำมากกว่านะครับ เพราะในปัจจุบันเมืองไทยมีการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นทุกๆวัน เราจะทำอย่างไรใไห้เพียงพอต่อความต้องการละคับ
RépondreSupprimer